ข้อเสียจากการรดน้ำไม่ลงคือ
ดินจะแห้งกระด้างที่ผิวดินและค่อยๆกระด้างลึกลงไปในชั้นดินจนถึงก้นกระถาง
การรดน้ำจึงทำได้ยากมากขึ้นเพราะดินไม่ดูดน้ำอย่างที่ต้องการและจะระเหยเร็วกว่าปกติ
ดินไม่ฟูส่งผลให้รากขาด รากไม่เดิน ระบบรากหยุดการเจริญเติบโตอย่างสิ้งเชิง
ดินที่ผสมมาอย่างดีหรือหมักมาอย่างดีจะเสียอย่างรวดเร็วเพราะความแข็งกระด้างและไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เสียทั้งเวลาและวัสดุปลูก
และสำคัญที่สุดคือเสียรู้ตัวเราเองครับ
ดังนั้นเราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรดน้ำให้ถึงอย่างมีหลักการและตรวจสอบการรดน้ำทุกครั้ง ยิ่งท่านมีความละเอียดละออในการรดน้ำมากเท่าไรชวนชมของท่านจะสวยและดินก็จะไม่เสียด้วยครับ
ทุกครั้งที่รดน้ำให้เอานิ้วจิ้มดินเพื่อตรวจสอบว่าน้ำซึมลงไปในชั้นดินลึกมาเพียงใด
เมื่อหน้าดินเริ่มแห้งควรมีการเติมน้ำโดยการโชยน้ำเข้าไปเพิ่มเติมเพื่อลดการกระด้างที่ผิวดิน เพราะผิวดินลึกลงไปไม่เกิน 4 ซม. จะมีระบบรากฝอยเดินอยู่ถ้ารากฝอยขาดจากผิวดินแห้งจะทำให้รากไม่ทำงานต้นไม้ก็หยุดเดินครับ
จากช่วงนี้ไปสภาพอากาศจะแห้งและร้อนมากขึ้นกว่าเดิมมากเราจึงต้องเน้นเอาใจใส่ในการรดน้ำและโชยน้ำอยู่อย่างต่อเนื่อง กรณีที่ท่านไม่มีเวลาก็แนะนำให้หาวัสดุกรองแสงมาปกปิดที่ผิวหน้าดินหรือน้ำดินร่อนมาผสมกับขุยมะพร้าวและโรยทับที่ผิวหน้าให้หนาขึ้นอีกระดับ
ตรวจสอบระดับความชื้นของน้ำในกระถางว่าลดลงหรือไม่เพราะการตรวจสอบจะทำให้เราเข้าใจต้นไม้และเข้าใจสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน
ควรมีการพรวนดินบ้างเพื่อเพิ่มช่องว่างและเติมอากาศลงไปสู่ดินลดการเสียหายการเสื่อมสภาพของดินได้เป็นอย่างดี กรณีไม้มีมากก็ต้องเน้นที่การรดน้ำให้ถึงและโชยอย่างต่อเนื่องแทนครับ
เทคนิคเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ละเลยไม่ได้นะครับเพราะเราเลี้ยงสิ่งมีชีวิตที่เน้นการเติบโตโดยใช้รากเป็นหลัก ดินกับรากต้นไม้อยู่ด้วยกันอย่างลงตัวเมื่อไรไม้ท่านก็สวยมากมายเท่านั้นครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น